ใกล้ถึงเทศกาลแห่งความรักแล้ว..ข้าพเจ้าอยากจะเขียนเรื่องของความรักความรักของมนุษย์มาจากพระเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อว่า เหตุผลที่พระเจ้าใส่ความรักไว้ในใจมนุษย์ ก็เพื่อเป็นพื้นฐานให้มนุษย์สร้างความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เกิดความรู้สึกผูกพัน และปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกัน และเมื่อมนุษย์อยู่ร่วมกันก็เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์และถวายเกียรติแด่พระเจ้า
รักข้างเดียว ที่เกิดกับเพื่อต่างเพศ คงจะเจ็บปวด ขมขื่น บางคนอาจเคยมีความรู้สึกนี้ คนเราอาจรักข้างเดียว ไม่เฉพาะมนุษย์เท่านั้น หลายคนรักสุนัขตัวโปรด รักแมว รักสัตว์เลี้ยง รักต้นไม้ บางคนรักสิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น ตุ๊กตาหมี รักหมอนข้างรูปหัวใจ รักต่างหู ฯลฯ
แต่ถ้าเป็นรักข้างเดียวที่เป็นความรักเพื่อนต่างเพศ มักจะมีพื้นฐานมาจาการหลอกลวง ถูกหลอกให้รัก และอาจจะมีบ้างที่เข้าใจผิดไปเอง คิดว่าเขารักก็เลยรัก แต่แน่ละต้องมีเหตุสร้างให้เข้าใจผิด เพราะธรรมชาติของมนุษย์ จะรักเฉพาะคนที่รักตัวเองเท่านั้น เริ่มรู้สึกแล้วใช่ไหมคะว่า ความรักของมนุษย์นั้น แฝงความเห็นแก่ตัวอยู่ด้วยเสมอ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม..แม้รักข้างเดียวของมนุษย์จะเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม ก็ขอบคุณพระเจ้า เพราะเป็นสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์เราให้แตกต่างจากสัตว์อย่างสิ้นเชิง เพราะสัตว์ไม่อาจจะรู้สึกเจ็บปวดจากรักข้างเดียวได้เลย
เป็นการง่ายที่จะรักคนที่น่ารัก และเป็นการยากที่จะรักคนไม่น่ารัก เป็นความจริงที่ทุกคนคงไม่ปฏิเสธ แต่พระเจ้ารักเราในขณะที่เราไม่น่ารัก ความรักของพระองค์จึงประเสริฐ และสูงส่งกว่ามนุษย์ จนเทียบเท่ากันไม่ได้เลย ความรักของพระเจ้าสอนให้เรารู้จักการให้อภัยผู้อื่น อันเป็นจุดเริ่มแรกที่จะรักเขาได้ จากนั้น ก็สอนให้เรารู้จักลักษณะของความรักที่แท้จริงใน 1คร 13.4-7 “ความรักนั้นก็อดทนนาน และกระทคุณให้..ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอและมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง” และพระองค์ปรารถนาให้เรามีความรักแบบนี้ กับเพื่อนมนุษย์ของเรา ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกัน หรือต่างเพศ ต่างวัย น่ารักหรือไม่น่ารัก “ท่านทั้งหลายจงรักซึ่งกันและกัน” …..หมายถึง เราต้องรักคริสเตียนด้วยกัน
แต่ที่สำคัญที่สุดที่พระเจ้าบอกเราใน 1 คร.13.13 “ดังนั้นยังตั้งอยู่ในสามสิ่ง คือ ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด” นั่นหมายถึง เราต้องรักทุกคนที่อาจไม่ใช่คริสเตียนก็ได้ …ซึ่งพระเจ้าก็ให้เหตุผล ในเรื่องนี้ว่า “แม้ว่าท่านทั้งหลายรักผู้ที่ท่านรักจะทรงนับว่าเป็นคุณอะไรแก่ท่าน แม้คนบาปก็ยังรักผู้ที่รักเขาเหมือนกัน..”(ลูกา 6.32) ซึ่งในที่นี้ ข้าพเจ้าก็ขอแปรข้อความนี้ว่า “แม้ท่านทั้งหลายรักผู้ที่ท่านรักจะทรงนับว่าเป็นคุณอะไรแก่ท่าน แม้คนที่ไม่รู้พระเจ้าก็ยังรักผู้ที่รักเขาเหมือนกัน” เพราะคริสเตียนเรารู้จักพรเจ้าแล้ว รู้จักความรักของพระองค์ด้วย เราถึงต้องแตกต่างกับชาวโลก และพระคัมภีร์ ที่สนับสนุนชี้ให้เห็นชัดเชนที่สุดว่า ความรักข้างเดียว แบบพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญ ที่คริสเตียนทุกคน ต้องมีคือ 1 คร.13.1-3 “แม้ข้าพเจ้าจะพูดภาษาแปลกๆได้ ..เป็นภาษามนุษย์ก็ดี เป็นภาษาทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้อง หรือฉาบที่กำลังส่งเสียง แม้ข้าพเจ้าจะเผยพระวจนะได้ และเข้าใจความล้ำลึกทั้งปวง และมีความรู้ทั้งสิ้น และมีความเชื่อมาก ยิ่งที่สุดพอจะยก ภูเขาไปได้ แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย แม้ข้าพเจ้า จะสละของสารพัด หรือยอมให้เอาตัวข้าพเจ้าไปเผาไฟเสีย แต่ไม่มีความรัก จะหาเป็นประโยชน์แก่ข้าพเจ้าไม่”
พี่น้องค่ะ ถึงแม้ข้าพเจ้าจะไม่เคยและไม่ยอมมีความรักข้างเดียวแบบมนุษย์ สำหรับพี่น้อง จะยอมหรือไม่ยอม มีความรักแบบนี้ นั่นก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ แต่ถ้าเป็นรักข้างเดียวแบบพระเจ้า ข้าพเจ้าจะขอยอมมีความรักแบบนี้ แล้วพี่น้องล่ะค่ะ พร้อมจะยอมมีความรักข้างเดียวแบบพระเจ้าไหมค่ะ?


